วันเสาร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2562

Hook Model วิธีทำให้ลูกค้าติดหนึบ

สำหรับร้านค้า หรือธุรกิจต่างๆ ที่ต้องการสร้างความมั่นคงให้กับลูกค้าที่จะเลือกซื้อหรือผลิตภัณฑ์ให้ได้นาน หรือ มีความจงรักภักดีต่อแบรนด์สินค้าของเรานั้น เราอาจจะใช้กลยุทธ์ 4P หรือ 6P ก็ได้แต่ แต่วันนี้ผุู้เขียนจะนำเสนอการสร้างพฤิตกรรมผู้บริโภค หรือลูกค้า ด้วยวิธีแบบยั่งยืน ของ เนียร์ อียาร์ (Nir Eyal) ผู้เขียนหนังสือ Hook Model to Build Habit - Forming Products  ประกอบด้วย 4 ขั้นตอน ดังนี้


1. แรงกระตุ้น ( Trigger )
วิเคราะห์ว่าอะไรเป็นสิ่งที่สามารถสร้างแรงกระตุ้นให้ผู้ใช้งานสนใจผลิตภัณฑ์ของคุณได้ แบ่งออกได้เป็น
1.1 สิ่งกระตุ้นจากภายใน (Internal trigger) คือการสร้างความพึงพอใจให้กลับมาช้าผลิตภัณฑ์อีกครั้ง
  เช่น Facebook สิ่งกระตุ้นจากภายใน คือ ความรู้สึกเหงา รู้สึกเบื่อ อยากประกาศอะไรบางอย่าง หรือต้องการคนคุยด้วย อารมณ์เหล่านี้ดึงดูดให้ผู้ใช้งานเลือกเข้าหา Facebook
1.2 สิ่งกระตุ้นจากภายนอก (External trigger)  คือการนำผลิตภัณฑ์หรือบริการไปอยู่ในสภาพแวดล้อมของกลุ่มเป้าหมาย เพื่อสร้างแรงกระตุ้นให้อยากใช้ผลิตภัณฑ์ หรือทดลองใช้บริการ เช่น การทำโฆษณา การบอกต่อ เช่นรูป รูปภาพ ป้ายโฆษณา ปุ่ม Call to action รวมไปถึง Notification และ Reminder ต่างๆ บนหน้าจอมือถือ ในกรณีของ Facebook คือ การสร้าง Like, Comment, Tag และ Notification สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งกระตุ้นให้เราเกิดความสนใจ และกลับมาใช้งานซ้ำๆ
คำถามที่คุณควรจะตอบให้ได้เกี่ยวกับสิ่งกระตุ้น ได้แก่
  • อะไรคือสิ่งกระตุ้นภายในและสิ่งกระตุ้นภายนอกของคุณ?
  • หากคุณมีกลุ่มผู้ใช้หลากหลายประเภท อะไรคือสิ่งกระตุ้นของแต่ละกลุ่ม?
  • คุณมีวิธีการอย่างไรที่จะทำให้สิ่งกระตุ้นมีประสิทธิภาพ?
  • คุณจะตรวจสอบได้อย่างไรว่าสิ่งกระตุ้นเหล่านี้ใช้ได้ผลจริง?
2. การกระทำ ( Action )
                การสร้างกระทำ เป็นการทำให้ลูกค้าหรือผู้ใช้บริการของเราต่อไป เนียร์ก็ได้อธิบายทฤษฎีนี้ว่า สร้างการสร้างพฤติกรรมของ BJ Fogg’s Behavior Model ด้วยสมการ
B = MAT  โดย B= behavior, M = motivation, A=ability, T=trigger
-          Motivation  คือ แรงจูงใจ ประกอบด้วย ความปารถนา ความสุข และหลีกเลี่ยงความเจ็บปวด ค้นหาความหวัง และหลีกเลี่ยงความกลัว
-          Ability คือ การเข้าถึงได้ง่สาย เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ผู้ใช้เลือกใจผลิตภัณฑ์ต่อไป ประกอบด้วยราคาที่เหมาะสม ใช้งานง่าย และสามารถใช้งานได้เมื่อใดก็ได้
-          Trigger คือ แรงกระตุ้นต่อการใช้ผลิตภัณฑ์ หากตกอยู่เหนือเส้น action line แสดงว่าเป็นส่วนที่พร้อมจะกระทำเนื่องจากตรงกับเงื่อนไขของแรงจูงใจและความสามารุที่จะกระทำ แต่ถ้าตกอยู่ใต้กราฟ ก็จะเป็นไปในทางกลับกัน
 
หมายเหตุ : พฤติกรรมจะอิงตามแรงจูงใจและความสมารถที่จะทำได้ กล่าวคือถ้าแรงจูงใจสูงก็จะสามารถยินยอมทำสิ่งที่ยากได้ ในขณะถ้าแรงจูงใจต่ำนั้น ก็ต้องการกระทำที่ง่ายและสะดวก
    
เมื่อวิเคราะห์แล้วว่าอะไรเป็นสิ่งที่สามารถกระตุ้นให้ผู้ใช้งานสนใจ ขั้นตอนต่อไปคือการวิเคราะห์ว่าอะไรคือการกระทำอย่างน้อยที่สุดที่เราปรารถนาให้ผู้ใช้งานทำ เพื่อที่ว่าเขาจะได้รับ Reward ตอบแทน ในฐานะผู้สร้างผลิตภัณฑ์ เป้าหมายของคุณคือการออกแบบให้การกระทำของผู้ใช้งานเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วและง่ายที่สุด
สำหรับ Facebook การกระทำอย่างน้อยที่สุด คือเพียงแค่ลงชื่อเข้าใช้งาน จากนั้นก็เลื่อนไปตาม News feed ในหน้าแรก เท่านี้คุณก็คลายเหงาไปได้บ้าง หรือการกระทำอื่นๆก็ได้แก่การตั้งสถานะ หรือการอัพโหลดรูปภาพ
คำถามเกี่ยวกับการกระทำที่คุณควรตอบให้ได้ ได้แก่
  • อะไรคือการกระทำขั้นต่ำที่สุดที่ผู้ใช้งานของคุณจะทำเพื่อได้รับ Reward ตอบแทน?
  • การกระทำเหล่านั้นเรียบง่ายไม่ยุ่งยากแล้วหรือไม่?
3. เนรมิตความพึงพอใจให้ผู้ใช้งาน ( Reward )
อะไรคือความพึงพอใจที่ผู้ใช้งานของคุณจะได้รับ? และคุณสามารถเนรมิตความพึงพอใจให้แก่ผู้ใช้งานของคุณได้อย่างไรบ้าง? Nir Eyal ได้กล่าวว่าความพึงพอใจที่คุณสามารถสร้างได้นั้น แบ่งออกได้เป็นสามประเภท
1. Social Reward หรือความพึงพอใจทางสังคม 
Nir Eyal เรียกผู้ใช้กลุ่มนี้ว่า Tribe สำหรับ Facebook Tribe ความพึงพอใจที่พวกเขาได้รับ ก็คือการได้รับรู้เรื่องราวข่าวสารของเพื่อนๆ จากการกระทำ (Action) เพียงแค่การเลื่อน News feed ก็ทำให้แก้เบื่อแก้เหงาได้ในระดับหนึ่ง และหากเขามีการกระทำขั้นอื่นๆอีก เช่น การแสดงความคิดเห็น หรือตั้งสเตตัส ก็อาจจะได้ Like หรือความคิดเห็นเป็นความพึงพอใจที่ตอบแทนกลับมาอีก
2. Resources หรือความพึงพอใจจากการได้รับอะไรบางอย่าง
Nir Eyal เรียกผู้ใช้กลุ่มนี้ว่า Hunt พวกเขาจะพึงพอใจเมื่อได้พบกับสิ่งที่ตัวเองต้องการ เช่น การใช้ Google ค้นหาข้อมูล อีกตัวอย่างที่น่าสนใจคือ Pinterest ที่คุณสามารถหารูปภาพหรือ Infographics ที่ตอบโจทย์ความสนใจของคุณ
3. Self-achievement หรือความพึงพอใจจากความสำเร็จ
Nir Eyal เรียกผู้ใช้กลุ่มนี้ว่า Self พวกเขาพึงพอใจเมื่อได้เห็นตัวเองได้พัฒนาไปสู่อีกขั้นหนึ่ง เช่น การเล่นเกมออนไลน์ และสามารถอัพเลเวล อัพสกิลได้
คำถามเกี่ยวกับการสร้างความพึงพอใจที่คุณควรตอบให้ได้ ได้แก่
  • คุณจะสร้างความพึงพอใจให้กับผู้ใช้งานได้อย่างไร?
  • ความพึงพอใจที่คุณสร้างเป็นรูปแบบประเภทไหน Tribe Hunt หรือว่า Self?
  • สามารถสร้างความพึงพอใจหลากหลายรูปแบบได้หรือไม่?
4. เสกให้ผู้ใช้งานตอบแทนกลับ ( Investment )
เพื่อก่อให้เกิดการใช้งานอย่างไม่รู้จบ ผลิตภัณฑ์ควรถูกออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถสร้างอะไรบางอย่างตอบแทนกลับมาให้ผลิตภัณฑ์ได้ หลังจากที่พวกเขาเกิดความพึงพอใจแล้วสำหรับ Facebook เมื่อผู้ใช้งานรู้สึกชอบหรือพึงพอใจในสเตตัสของใคร ผู้ใช้ก็จะกด Like ซึ่งเป็นการตอบแทนให้ผู้ใช้ที่เป็นผู้โพสต์เกิดความรู้สึกพอใจเช่นเดียวกัน หรือมากกว่า Like คือการกด Share ซึ่งทำให้เนื้อหาสามารถส่งปากต่อปากไปได้เรื่อยๆ ทำให้เนื้อหานั้นๆมีคุณค่ามากขึ้น และตัว Facebook เองก็เกิดความคึกคักมากขึ้นด้วยเช่นเดียวกันสิ่งที่น่าสนใจที่เกิดขึ้นคือ Investment นั้นมักหวนกลับไปเป็น External trigger ซึ่งสามารถตอบโจทย์ Internal trigger ของผู้ใช้คนอื่นๆ อย่างในกรณีกด Like ของ Facebook นั่นเอง ดังนั้นแผนผังรูป ‘HOOK Canvas’ จึงมีลักษณะเป็นเครื่องหมาย Infinity เพราะพฤติกรรมของผู้ใช้งานถูกออกแบบให้วนเวียนไปไม่รู้จบนั่นเอง



แหล่งที่มา :
https://techsauce.co/tech-and-biz/4-steps-of-hook-to-design-engaging-product
- creative thailand. Hook ให้อยู่ รู้ให้ทัน ปั้นความได้เปรียบทางธุรกิจ, ฉบับกรกฎาคม 2562 ทีปที่ 10 ฉบับที่ 10 หน้าที่ 23.
https://brandinside.asia/hook-model-nir-eyal/


วันพฤหัสบดีที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2562

วิธีตั้ง TAB ใน Word

สำหรับการตั้ง TAB หรือกำหนดย่อหน้าให้กับเอกสารใน Word  เป็นประโยชน์มากๆ สำหรับงานเอกสารที่มีหลายๆๆ หน้า เพราะจะได้ไม่ต้องมาเคาะ Spacebar อีกต่อไป  บทความนี้แนะนำให้กำหนดตั้งแต่เริ่มพิมพ์เอกสารนะจ้ะ

1. ดับเบิ้ลคลิกตามรูป


 2.  กดปุ่ม Clear all


3. กำหนด TAB แรก หรือย่อหน้าแรก ที่นี้กำหนด 1.5





   หรือสำหรับใครที่ต้องการตั้ง TAB ที่ทำเล่มปริญญานิพนธ์ กำหนดให้พิมพ์ย่อแรกที่ตัวอักษรที่ 8  ก็กำหนด TAB 1.75  ตามรูปได้เลย

4. ดับเบิ้ลคลิกตามรูปข้อที่ 1 แล้วกำหนดค่า TAB เท่ากับ 1.75


5. ผลลัพท์ที่ได้


วันอังคารที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2562

ไอเดีย รวมแฟชั่น ดาราผมสั้น






กำหนดสารบัญรูปอัตโนมัติ Insert Table of Figures

ก่อนที่จะสร้างกำหนดสารบัญรูปอัตโนมัติ ต้องมีการสร้างป้ายกำกับให้รูปก่อน หากไม่กำหนดจะไม่สามารถสร้างกำหนดสารบัญรูปอัตโนมัติ ได้
1. ไปที่เมน References ----> Insert Caption


2. Caption ----> New label กำหนดเป็น รูปที่  แล้วกด OK
3. จากนั้นก็ไปที่เมนู References ------Insert Table of Figures 
4. ผลลัพธ์ดังรูปข้างล่าง




กำหนดสารบัญตารางอัตโนมัติ

ก่อนที่จะสร้างกำหนดสารบัญตารางอัตโนมัติ ต้องมีการสร้างป้ายกำกับให้ตารางก่อน หากไม่กำหนดจะไม่สามารถสร้างกำหนดสารบัญตารางอัตโนมัติ ได้

1. ไปที่เมน References ----> Insert Caption

2. Caption ----> New label กำหนดเป็น ตารางที่  แล้วกด OK
3. จากนั้นก็ไปที่เมนู References ------Insert Table of Figures 


4. ผลลัพธ์ดังรูปข้างล่าง


วิธีสร้างสารบัญอัตโตมัติ table of contents

1. กำหนดรูปแบบ style ให้หัวสำหรับเอกสารสำหรับการสร้างสารบัญอัตโนมัติ หากไม่ได้กำหนดในส่วนนี้จะไม่สามารถสร้างสารบัญอัตโนมัติได้  เช่น
   - หัวข้อหลัก  เช่น ส่วนที่ 1 บทนำ  กำหนด Heading 1
   - หัวข้อรอง  เช่น หลักการและเหตุผล  กำหนด Heading 2
เป็นต้น
ดาวน์โหลดไฟล์



2. menu " references---->Table of Contents"



3. Contents


การกำหนดย่อหน้า Paragraph Format


ในส่วนของการกำหนด ย่อหน้า จะเป็นการกำหนดย่อหน้าของเนื้อหาของเอกสาร หรือหัวข้อ เช่น ส่วนที่เป็นเนื้อหาให้ย่อหน้าเข้าไปที่ 1.5  ซม. ดังนี้
1.       จากรูปเลือก Format แล้วเลือก Paragraph




กำหนดตามรูปข้างล่าง







Indents and Spacing  คือ การกำหนด Paragraph
General คือ การกำหนดค่าชิดซ้าน ชิดขวา และรูปแบบของ style
o   Alignment คือ การกำหนดากรชิดซ้าย ชิดขวา กึ่งกลาง
o   Outline level คือการกำหนดว่าเป็น style ของ Body Text หรือ Heading
Indentation  คือ การกำหนดการย่อหน้าว่างต้องการให้ห่างจากขอบซ้ายและขวาขนาดเท่าใด
o   Left คือ การกำหนดให้ห่างจากซ้าย
o   Right คือ การกำหนดให้ห่างจากขวา
o   Special  คือ การกำหนดลักษณะการย่อหน้าเพิ่มเติม มีการกำหนดค่าอยู่ 3 ลักษณะคือ
§  None คือ ไม่มีการกำหนดลักษระพิเศษเพิ่มเติม
§  First Line คือการำหนดให้บรรทัดแรกของ Paragraph ย่อหน้าเข้ามาที่กำหนดในช่อง By ส่วนบรรทัดอื่นๆ ห่างจากขอบซ้าย-ขวา ตามค่าที่กำหนด Left, Right
§  Hanging คือการกำหนดให้บรรทัดแรกของ Paragraph ยึดตามขอบซ้าย-ขวาตามค่าที่กำหนด Left, Right  ส่วนบรรทัดต่อๆ มาย่อหน้าเข้ามาตามค่าที่กำหนดในช่อง By

Spacing  คือ การกำหนดขนาดระยะห่างระหว่างบรรทัดของข้อความ
·       Before คือการกำหนดขนาดระยะห่างระหว่างของข้อความกับบรรทัดด้านบน
·       After    คือการกำหนดขนาดระยะห่างระหว่างของข้อความกับบรรทัดด้านล่าง
·       Line Spacing    คือการกำหนดขนาดระยะห่างระหว่างบรรทัด ซึ่งกำหนดไว้ ห่างแค่ 1 บรรทัด 1.5 บรรทัด หรือ 2 บรรทัดเป็นต้น

Preview  คือ หน้าจอแสดงตัวอย่าง

การกำหนดรูปแบบตัวอักษร Font Style


1  1. ไปที่เมนู home

 

2.      เลือก Apply Styles….



3.  เลือก Modify….


4.  เลือก Format-à Font



1 คือ แท็บของการจัดการเกี่ยวกับ Font ของตัวหนังสือ

2 คือ การกำหนดรูปแบบตัวอักษร และขนาดของอักษรภาษาไทย
3 คือ การกำหนดรูปแบบตัวอักษร และขนาดของอักษรภาษาอังกฤษ
4 คือ การกำหนดลักษณะอื่นๆ ของตัวอักษร เช่น สีตัวอักษร การขีดเส้นใต้หรือ อื่นๆ ซึ่งการกำหนดส่วนนี้ใช้ได้ทั้งภาษาไทยและอังกฤษ

เปลี่ยนหน่วย cm เป็น inch how to change cm to inch in MS Word


1.       
ไปที่เมนู File-->Option-->Advanced-->Display

วิธีตั้งค่า Font ใน Word แบบถาวร how to setting font in MS word




1. ไปที่ เมนู Home เลือกลูกศรมุมขวาล่างตามรูปที่ 1
2.เริ่มจากเลือกแบบ Font ที่จะเป็น Font เริ่มต้น แล้วเลือกขนาดของ font ที่ต้องการด้วย
3. เลือกที่ Set as default



รูปที่ 1
เลือก All Document Based on the Normal.dotm Template? แล้วคลิก OK ตามรูปที่ 2




รูปที่ 2